โรงเรียนวัดชัฏใหญ่
หน้าแรก
ข้อมูลโรงเรียน
บุคลากร
ข้อมูลนักเรียน
อาคารสถานที่
ประชาสัมพันธ์โรงเรียน
ข่าวประชาสัมพันธ์
กิจกรรมโรงเรียน
คลิปกิจกรรม
นานาสาระ
ติดต่อเรา
เว็บบอร์ด
ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์ โรงเรียนวัดชัฏใหญ่
วันที่ 1 กรกฎาคม 2022 9:16 AM
Share
0
Tweet
0
โรงเรียนวัดชัฏใหญ่
หน้าแรก
บุคลากร
ข้อมูลนักเรียน
อาคารสถานที่
ข่าวประชาสัมพันธ์
กิจกรรมโรงเรียน
คลิปกิจกรรม
นานาสาระ
ติดต่อเรา
หน้าแรก
ข้อมูลโรงเรียน
บุคลากร
ข้อมูลนักเรียน
อาคารสถานที่
ประชาสัมพันธ์โรงเรียน
ข่าวประชาสัมพันธ์
กิจกรรมโรงเรียน
คลิปกิจกรรม
นานาสาระ
ติดต่อเรา
เว็บบอร์ด
โรงเรียนวัดชัฏใหญ่
เว็บบอร์ด โรงเรียนวัดชัฏใหญ่
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ประสบการณ์ขอพรพระแม่อุมาเทวี
เว็บบอร์ด โรงเรียนวัดชัฏใหญ่
WEBBOARD
ห้องนั่งเล่น
ประสบการณ์ขอพรพระแม่อุมาเทวี
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
หน้า: [
1
]
ประสบการณ์ขอพรพระแม่อุมาเทวี
0 ตอบ
667 อ่าน
5678
1
ประสบการณ์ขอพรพระแม่อุมาเทวี
«
เมื่อ:
พฤศจิกายน 13, 2020, 12:07:39 AM »
ประสบการณ์ขอพรพระแม่อุมาเทวี
วันนี้จะมาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ทุกคนได้รับรู้กันค่ะ ตัวเราเองมีความเชื่อและศรัทธาเกี่ยวเทพทางฮินดูเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ซึ่งจริง ๆ องค์เทพของทางฮินดูก็ถือได้ว่าเข้ามามีอิทธิพลต่อคนไทยมาอย่างเนิ่นนาน องค์เทพที่เราจะเล่าถึงประสบการณ์ครั้งนี้ก็คือ “พระแม่อุมาเทวี” ที่เชื่อกันว่าเป็นเทพแห่งความสำเร็จ มีพลังอันยิ่งใหญ่ส่งเสริมบารมีและวาสนาแก่ผู้ที่บูชาท่าน
เทพแห่งพลังบารมีและอำนาจอันยิ่งใหญ่นี้เชื่อกันว่าท่านจะบรรดาลยศ ตำแหน่งที่ก้าวหน้าในหน้าที่การงานท่านประธานชัยชนะและมีความแข็งแกร่ง “พระแม่อุมาเทวี” ยังมีชื่อที่ใครหลายหลายเรียกอีกนั่นคือ “พระแม่ปารวตี” หรือบางคนก็เรียกแค่ “พระแม่อุมา” ในความเชื่อต่างต่างล้วนยกให้ท่านเป็นเทพแห่งพลังอำนาจละยังเชื่อว่าท่านจะสามารถคุ้มครองให้พ้นจากภัยอันตรายทำให้ผู้บูชามีความปลอดภัยจากสิ่งชั่วร้ายอีกด้วย
“พระแม่อุมาเทวี” เป็นมารดาของ “พระพิฆเนศ” เทพแห่งความสำเร็จอีกองค์หนึ่งด้วยและท่านยังเป็นพระชายาของ “พระศิวะ” เทพเจ้าที่ทำลายความชั่วร้าย เรียกได้ว่าถ้าใครบูชาครบทั้งสามองค์ก็ช่วยเพิ่มพลังความสำเร็จอย่างทวีคูณกันเลย ในเมืองไทยสถานที่ที่เป็นที่นิยมและเป็นที่รู้จักกี่ยวกับเทพของศาสนาฮินดูก็หนีไม่พ้น “วัดแขกสีลม” หรือ “วัดพระศรีมหาอุมาเทวี” ที่มีผู้คนแห่แหนกันมาเพราะเลื่อมใสพร้อมแรงศรัทธาในองค์เทพต่างต่างที่วัดแห่งนี้ ตัวเราเองเวลามีเรื่องทุกข์ใจก็มักจะไปขอพรท่านที่วัดแห่งนี้อยู่เป็นประจำและอีกอย่างคือไปแล้วก็มีเทพองค์อื่นๆให้ขอพรด้วย สำหรับวัดแขกสีลทที่หลายคนรู้จักนั้น สร้างตั้งแต่ในช่วงปีพุทธศักราช 2453 แล้วเสร็จก็ช่วงพุทธศักราช 2454 ซึ่งเป็นการสร้างโดยชาวอินเดียที่เข้ามาอาศัยในประเทศไทยตั้งแต่ช่วงกรุงรัตนโกสินทร์ และมีการบูรณะตกแต่งเพิ่มเติมจนเป็นวักของศาสนาฮินดูที่มีความสวยงามแบบในทุกวันนี้
ในสมัยก่อนนั้นวัดแขกสีลมเปิดให้เข้าไปสักการะเฉพาะคนที่นับถือองค์เทพเข้าไปเท่านั้น ไม่ได้มีการเปิดให้คนทั่วไปเข้าภายในวัด แต่ต่อมาเมื่อเป็นที่รู้จักก็มีการปรับเปลี่ยนใหม่เปิดให้คนทั่วไปเข้าไปกราบไหว้เรียกได้ว่าปรับเปลี่ยนตามยุคสมัย แต่คนที่จะเข้าไปภายในวัดนั้นก็มีข้อต้องห้ามในเรื่องของการนำเนื้อสัตว์ทุกประเภทเข้าไปในบริเวณวัด ไม่เหมือนกับวัดของศาสนาพุทธที่สามารถเข้าไปได้ง่ายและสะดวกสบาย จริงจริงแล้วการเข้าไปสักการะองค์เทพก็ไม่ใช่เรื่องยากหรือซับซ้อนอะไร ถ้าไม่มีเวลาเตรียมของไหว้ก็สามารถไปหาซื้อได้ที่ด้านในวัดเลยค่ะ มีให้เลือกสามขนาดตั้งแต่ 60 บาท จนถึง 100 บาทขึ้นไป แตกต่างตรงของที่จัดในพานตามแต่ละราคา พื้นฐานก็จะเป็นดอกไม้ ธูป เทียน และผลไม้ ซึ่งถ้าขนาดใหญ่ขึ้นก็จะมีน้ำมัน หรือ น้ำผึ้งเพิ่มเติมเข้าไปค่ะ หรือถ้าใครสะดวกจัดเตรียมก็สามารถทำได้ตามแต่ละคนใครชอบหรือถนัดแบบไหนก็ตามใจเลยค่ะ
วิธีการไหว้ก็ไม่ยากเลยค่ะ จริงๆแล้วบทสวดไม่ได้ตายตัวและหากฟังดี ๆ ภายในวัดจะมีการเปิดเสียงสวดบูชาอยู่ตลอดอย่างเช่นคำว่า โอมสักติโอม เป็นทำนองที่สามารถสวดตามได้ แต่สำหรับเราเวลาไปมักจะใช้แรงจิตอธิฐานเพื่อสื่อถึงองค์พระแม่มากกว่าค่ะ อยากบอกความทุกข์ใจอะไรก็นั่งตั้งจิตอธิษฐานบอกกับท่าน ไม่ได้สวดบทสวดอะไรเป็นพิเศษ ถ้าใครที่ซื้อถาดบูชาเรียบร้อยก็เดินเข้าไปด้านในโบสถ์ได้เลยค่ะ เดินตรงไปสุดทางจะมีพราหมณ์คอยรับเครื่องถวายอยู่และพอเรายื่นถาดให้แล้วจะมีการเจิมหน้าผากและส่วนมากเขาจะหยิบของสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่อยู่ในถาดบูชาของเรากลับคืนมาให้เราหนึ่งชิ้นค่ะ เป็นอันว่ารับพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อย แต่ตัวเราเองเวลาเดินทางไปที่วัดแขกแห่งนี้หลังจากพราหมณ์เจิมหน้าผากและยื่นของคืนให้เราแล้วเราจะยังไม่ออกมาจากโบสถ์ค่ะ เราจะเดินไปนั่งด้านข้างที่เป็นองค์เทพเรียงกันส่วนมากเราจะไปนั่งที่ด้านหน้าของพระแม่อุมาเทวีเพื่อไปอธิษฐานจิตต่อหน้าองค์ท่านโดยตรงอีกทีค่ะ
เรามักจะขอพรจากท่านแทบทุกรื่องๆไม่ว่าจะเรื่องงานที่ขอให้ประสบความสำเร็จ เรื่องความรักที่ขอให้เจอคู่ที่ดี เวลามีอุปสรรคอะไรเราก็เหมือนไปนั่งและเล่าให้ท่านฟังค่ะ บางครั้งเราก็จะเตรียมดอกไม้สีแดงหรือพวกผลไม้ไปวางถวายไว้ตรงองค์พระแม่ด้วย แต่ถ้าไม่มีเวลาหรือไม่ทันได้เตรียมไปก็ไม่เป็นไรนะคะ สามารถไปนั่งขอพรตรงองค์ท่านได้แต่ก็ต้องดูจังหวะนิดนึงค่ะ บางครั้งถ้าเป็นช่วงวันหยุดคนเข้าไปที่วัดค่อนข้างเยอะ การที่ไปนั่งในโบสถ์ตรงด้านหน้าองค์พระแม่หรือเทพต่างๆ ก็อาจทำให้ไปขวางทางของท่านอื่นๆ ที่ต้องการเข้าไปสักการะองค์เทพได้เหมือนกัน เราเองมักจะไปในช่วงวันธรรมดาที่คนเขาไปทำงานกันค่ะ จะได้ไม่มีคนเยอะมากนัก สะดวกและสงบมากกว่าตอนคนเยอะค่ะ จะได้มีสมาธิในการอธิษฐานขอพรจากท่าน
ตัวเราเองประสบผลสำเร็จได้รับพรจากท่านอยู่บ่อยครั้งแต่ไม่ได้หมายความว่าถ้าเราต้องการประสบผลสำเร็จจากการงานแต่ขอพรจากท่านเพียงอย่างเดียวนะคะ ตัวเราเองก็ต้องแสดงความสามารถที่มีอยู่ออกมาให้หัวหน้าหรือลูกค้าได้เห็นด้วย ไม่ใช่รอแต่จะรับพร การขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นอีกหนึ่งทางที่สามารถเสริมกำลังใจให้เข้มแข็งมากขึ้น แต่ทุกทุกอย่างล้วนอยู่ที่ตัวเราเองด้วยค่ะ ถ้าอยากประสบความสำเร็จก็ต้องลงมือทำถ้าไม่ทำอะไรเลยจะได้รับผลได้อย่างไรจริงมั้ยคะ ในส่วนขององค์เทพที่เราขอพรก็มีค่ะที่ไม่ได้สมหวังตามคำขอแต่อย่าเพิ่งท้อค่ะ บางครั้งเราก็ต้องพิสูจน์ตัวของเราเองเพราะสุดท้ายแล้วเราเองต่างหากที่เป็นผู้ได้รับความสำเร็จนั้น อย่างไรก็ตามในเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์หากเราไม่สะดวกหรือไม่พร้อมที่จะเดินทางไปก็สามารถตั้งจิตอธิษฐานเพื่อขอพรด้วยความศรัทธาได้ค่ะ เราเชื่อว่าการอธิษฐานด้วยจิตใจที่ศรัทธาและความบริสุทธิ์ใจจะสามารถสื่อถึงองค์เทพต่างๆได้ ยังไงก็ขอให้ทุกคนสมหวังในสิ่งต่างๆที่ต้องการนะคะ
โรงเรียนวัดชัฏใหญ่
บันทึกการเข้า
พิมพ์
หน้า: [
1
]
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »